วันศุกร์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

5.แหกหักมหันตโทษบางขวาง




           
            วันที่ ๓๐ เมษายน พ..๒๔๗๕ เวลาประมาณ ๐๘.๐๐ น. นายเที่ยง บัณทิตย์ศิลป์ นายจำปี สายทุ้ม นายสี ศรีวิลัย นายพุ่ม อิ่มอก นายชิต บุญมาก และนายเซ่ง (ไม่ทราบนามสกุล) ผู้คุมนักโทษเรือนจำมหันตโทษจำนวน ๖ นาย ได้ทำการควบคุมนักโทษจากแดน ๑, ๒, ๓, ๕, ๖ ประมาณ ๕๐๐ คนเศษ พร้อมด้วยเครื่องมือเช่น มีด ขวาน แชลง พลั่ว จอบ เสียม ออกทำงานในแดนสงวนซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเรือนจำ โดยแยกนักโทษออกทำงานหลายกองด้วยกัน มีกองช่างไม้และผูกเหล็กหล่อคอนกรีตซึ่งอยู่รวมในโรงงานเดียวกัน กองทำอิฐ กองขุดดิน กองสูบน้ำ กองตัดต้นไม้และผ่าฟืน ซึ่งทุกกองมีนักโทษผู้ช่วยเจ้าพนักงานเป็นหัวหน้าควบคุมการทำงานของนักโทษทั้งหมดอีกทีหนึ่ง โดยมีนายร้อยตำรวจโทแม้น ผู้ช่วยสารวัตร เข้าตรวจการทำงานของนักโทษทั้งหมดเป็นระยะ

              เวลา ๑๔.๓๐ น. ขณะที่นายเที่ยงกำลังทำหน้าที่เฝ้าประตูแดนสงวน ส่วนผู้คุมที่เหลืออีก ๕ นายได้ช่วยกันควบคุมตรวจตรานักโทษที่ทำงานอยู่ตามกองงานต่างๆ น..รอด และ น..หนูซึ่งใช้ผ้าแดงโพกศีรษะ ได้ตรงเข้าแย่งขวานจากนักโทษที่ทำงานอยู่ในโรงงานช่างไม้คนละด้าม จากนั้นได้ใช้สันขวานตีเข้าที่ถังไม้ ๓-๔ ครั้ง โดยนักโทษกองทำอิฐได้ตีปี๊บขึ้นตอบรับ น..รอด และ น..หนูได้ร้องตะโกนขึ้นว่า ไชโย ใครจะไปบ้านก็ตามมา อ้ายพวกเหลืองๆเอาให้หมด” (อ้ายพวกเหลืองหมายถึงผู้คุม)

              นักโทษที่ทำงานอยู่ตามกองงานต่างๆพากันลุกขึ้น พร้อมกับหยิบฉวยอาวุธที่เป็นเครื่องใช้ในการทำงานเท่าที่จะหาได้ ขณะที่นักโทษบางคนงัดโซ่ตรวนที่ขาออกเพื่อสะดวกต่อการหลบหนีจากเรือนจำ น..รอด และ น..หนูวิ่งนำนักโทษทั้งหมดเข้าฟันประตูป้อมเชิงเทินซึ่งอยู่ระหว่างป้อม ๑๕ และ ๑๖ เพื่อแหกหักออกไปทางถนนหน้าเรือนจำ

              นักโทษบางคนได้ตรงเข้าทำร้ายร่างกายผู้คุมจนได้รับบาดเจ็บ มีนายจำปีถูกตีเข้าที่ข้างใบหูขวา นายพุ่มถูกตีเข้าที่แขนซ้ายขณะเข้าห้ามไม่ให้นักโทษพังประตู เมื่อผู้คุมที่เหลือเห็นว่าเหตุการณ์เริ่มรุนแรงและไม่สามารถควบคุมได้ จึงได้เป่านกหวีดส่งอาณัติสัญญาณแจ้งเหตุร้าย พร้อมกับร้องตะโกนบอกให้ยามป้อมยิงสกัดเพื่อไม่ให้นักโทษแหกหักออกไปได้ พลตำรวจเหว่า ยามป้อมที่ ๑๕ ใช้ปืนยิงใส่ไปที่กลุ่มนักโทษที่กำลังพังประตูป้อมเชิงเทินจำนวน ๕ นัด พลตำรวจเอม ยามป้อมที่ ๑๖ ยิงใส่ไปอีก ๑ นัด ผลปรากฏว่า น..ล่อน โทษฐานฆ่าคนตายมีกำหนดโทษ ๑๖ ปี ถูกกระสุนปืนเข้าที่เหนือสะดือข้างซ้ายทะลุชายโครงซ้ายจนร่างทรุดลงกับพื้นอาการสาหัส เมื่อนักโทษทั้งหมดเห็นว่ามีคนถูกยิง ต่างพากันแตกฮือวิ่งหนีออกไปทางประตูแดนซึ่งไม่ได้ใส่กุญแจไว้ คงเหลือนักโทษที่ไม่ได้เข้าร่วมก่อเหตุแหกหักประมาณ ๑๐๐ คนเศษ   

              เมื่อพากันวิ่งหนีออกมาพ้นประตูแดนแล้ว ได้แยกย้ายกันออกเป็น ๒ ทาง ทางหนึ่งหนีไปทางด้านหอรักษาการณ์ ๗ ชั้น เพื่อแหกหักออกทางประตูใหญ่ของเรือนจำ อีกทางหนึ่งหนีเข้าไปในสถานพยาบาลของเรือนจำเพื่อทะลุออกทางด้านหลังของสถานพยาบาลไปยังแดนประหารชีวิตซึ่งมีประตูผีที่ใช้สำหรับนำศพนักโทษออกจากเรือนจำ

              นักโทษที่หนีออกมาทางหอรักษาการณ์ ๗ ชั้น ได้ใช้ขวานพังประตูแดนประพฤติตัวดีที่ใช้ปลูกผัก (แดน ๑๓ ในปัจจุบัน) และแดน ๑, ๒, ๖ ไล่ทำร้ายผู้คุมและร้องประกาศชักชวนให้นักโทษภายในแดนออกไปสมทบ ปรากฏว่ามีนักโทษแดนประพฤติตัวดีออกไปร่วมแหกหัก ๕ คนพร้อมมีด ๔ เล่ม แดน ๒ มีนักโทษถือไม้สำหรับม้วนผ้าวิ่งออกจากแดนไปร่วมสมทบ ๕ คน ส่วนแดน ๑ และ ๖ ไม่ปรากฏว่ามีนักโทษเข้าร่วมแต่อย่างใด ขุนพินิจชนารักษ์ นายแดน ๒ (เข้าใจว่าหมายถึงหัวหน้าแดน) และน..ลบ ยามใน ผู้ช่วยเจ้าพนักงานซึ่งทำหน้าที่ดูแลประตูแดน ถูกนักโทษรุมทำร้ายบาดเจ็บแต่ไม่สาหัส

              หลังจากที่พังประตูแดน ๑, ๒, ๖ และแดนประพฤติตัวดีแล้ว นักโทษในแดน ๒ เกือบทั้งหมดเตรียมการที่จะออกไปร่วมสมทบกับกลุ่มผู้ก่อเหตุที่หน้าแดน เป็นเวลาเดียวกับที่พระยาอาชญาจักร์ ผู้บัญชาการเรือนจำ และตำรวจรักษาการณ์ได้นำกำลังเข้ามาถึงใต้หอรักษาการณ์ พระยาอาชญาจักร์ ได้สั่งให้ตำรวจใช้อาวุธปืนเข้ายิงสกัดกั้นกลุ่มนักโทษในทันที

              ตำรวจใช้ปืนยิงพวกนักโทษที่ก่อการกำเริบบริเวณหน้าแดน ๒ และรุกไล่ยิงนักโทษกลุ่มนี้ไปทางโรงย้อมผ้า (แดน ๑๖ ในปัจจุบัน) มีนักโทษ ๓ คนถูกกระสุนปืนและหลบหนีเข้าไปในแดน ๒   นักโทษกลุ่มหนึ่งหลบเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในโรงย้อมผ้า อีกกลุ่มหนึ่งหนีเข้าไปทางแดนประหารชีวิต

              พระยาอาชญาจักร์ ผู้บัญชาการเรือนจำ หลวงวิบูลย์สารกิจ ผู้ช่วยผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี พลตำรวจสำเนียง  ตำรวจรักษาการณ์ ผู้คุมและนักโทษผู้ช่วยเจ้าพนักงาน ได้ติดตามนักโทษไปทางแดนประหารชีวิต เมื่อไปถึงหน้าโรงครัว (แดน ๙ ในปัจจุบัน) เห็นกลุ่มนักโทษกำลังใช้ขวานฟันประตูผีเพื่อแหกหักออกทางวัดบางแพรก พระยาอาชญาจักร์พร้อมเจ้าหน้าที่ที่ติดตามไป และยามป้อมที่ ๘, ๙, ๑๐, ๑๑ จึงใช้ปืนระดมยิงใส่กลุ่มนักโทษเหล่านั้น ขณะเดียวกันนายร้อยตำรวจโทพัฒน์ ผู้บังคับกองตำรวจมหันตโทษได้ตามเข้ามาสมทบ  และได้ใช้อาวุธปืนลูกซองแฝดชนิดเบอร์ ๑๒ เข้าร่วมระดมยิงด้วย

              เมื่อถูกระดมยิงเข้าใส่ นักโทษได้หนีหลบลงไปซ่อนอยู่ในบ่อน้ำบริเวณแดนประหารชีวิตจำนวน ๑๒ คน ส่วนที่เหลือต่างพากันหนีเลาะกำแพงย้อนกลับมาทางหลังโรงครัวจนหมด พระยาอาชญาจักร์กับพวกจึงล้อมจับนักโทษที่ซ่อนตัวอยู่ในบ่อน้ำได้หมดทุกคน และสามารถติดตามจับกุมนักโทษที่หลบซ่อนอยู่ตามที่ต่างๆ ในเรือนจำได้หมด การจับกุมครั้งนี้ต้องใช้กำลังรุนแรงเข้าทำการจับกุมนักโทษด้วย เหตุการณ์ทุกอย่างจึงสงบลงได้

              จากการเข้าทำการสกัดกั้นการแหกหักเรือนจำครั้งนี้ปรากฏว่า เจ้าพนักงานตำรวจกองมหันตโทษสิ้นกระสุนไป ๑๐๔ นัด ตำรวจภูธรกองจังหวัดนนทบุรี ๑๓ นัด หลวงวิบูลย์สารกิจ ๒ นัด พระจำเริญพลรบ ๗ นัด และกระสุนปืนลูกซองของนายร้อยตำรวจโทพัฒน์ และนายร้อยตำรวจตรีสุวรรณอีกหลายนัด มีนักโทษถูกยิงตายในที่เกิดเหตุ ๖ คน ถูกยิงและถูกทำร้ายขณะจับกุมจนบาดเจ็บสาหัสและไม่สาหัส ๓๔ คน นักโทษที่ถูกยิงและถูกทำร้ายได้มาตายที่สถานพยาบาล ๓ คน รวมนักโทษที่ตายทั้งสิ้น ๙ คน เจ้าพนักงานถูกทำร้ายบาดเจ็บไม่สาหัส ๔ นาย ผู้ช่วยเหลือเจ้าพนักงานบาดเจ็บไม่สาหัส ๑ คน

              รายชื่อนักโทษที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์แหกหักเรือนจำครั้งนี้

              ...โดด กลิ่นขจร เลขหมาย ง.๕๗๕ อายุ ๒๔ ปี ชาวตำบลตลาด อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี อาชีพเดิมรับจ้าง ต้องโทษเมื่อวันที่ ๒ สิงหาคม พ..๒๔๗๓ โทษฐานมีอาวุธปืนไม่ได้รับอนุญาตและปล้นทำร้ายเจ้าทรัพย์ กำหนดโทษ ๒๐ ปี ๑๒๐ วัน สภาพศพนอนหงายตายอยู่ในบริเวณแดนประหารชีวิต ห่างจากกำแพงด้านหลังสถานพยาบาล ๖ ศอก มีบาดแผล ๓ แห่ง แห่งที่ ๑ ถูกยิงใต้สะบักขวาทะลุสีข้างซ้ายโตกลม ๒ นิ้ว แห่งที่ ๒ ถูกของแข็งกระแทกที่แก้มขวาผิวหนังถลอกโตกลม ๑ กระเบียด แห่งที่ ๓ ถูกของแข็งกระแทกที่เหนือราวนมซ้ายแผลถลอกโตกลม ๑ กระเบียด

              ...ทอง ทองโส เลขหมาย ง.๑๖๐๙ อายุ ๓๓ ปี ชาวตำบลดงน้อย อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา อาชีพเดิมทำนา ถูกส่งตัวมาที่เรือนจำมหันตโทษเมื่อ ๒๗ พฤศจิกายน พ..๒๔๗๑ โทษฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา กำหนดโทษตลอดชีวิต สภาพศพนอนหงายตายอยู่ในบริเวณแดนประหารชีวิต ห่างกำแพงด้นหลังสถานพยาบาล ๖ ศอก (นอนตายข้างน..โดด กลิ่นขจร) มีบาดแผล ๒ แห่ง แห่งที่ ๑ ถูกยิงเข้าที่ชายโครงข้างขวาแผลโตกลม ๑ กระเบียดทะลุเหนือเอวซ้ายกว้าง ๒ นิ้ว แห่งที่ ๒ ถูกยิงเข้าที่ใต้ข้อศอกซ้ายทะลุแผลโตกลม ๑ กระเบียด

              ...หยวน นามสกุลไม่ปรากฏ เลขหมาย ง.๑๓๕๗ อายุ ๓๒ ปี ชาวตำบลสองพี่น้อง อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี อาชีพเดิมทำไร่ ต้องโทษเมื่อวันที่ ๒ มิถุนายน พ.. ๒๔๖๖ โทษฐานปล้นฆ่าเจ้าทรัพย์ตาย กำหนดโทษ ๑๖ ปี ๗ เดือน ๓ วัน สภาพศพนอนหงายตายอยู่ในบริเวณแดนประหารชีวิต ห่างจากกำแพงด้านหลังสถานพยาบาลประมาณ ๓ วา มีบาดแผลถูกยิงเข้าที่สบักขวาทะลุราวนมซ้ายโตกลมนิ้วครึ่ง

              ...กวย มีสี เลขหมาย ง.๑๔๓๑ อายุ ๓๖ ปี ชาวตำบลหนองกรด อำเภอบรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์ อาชีพเดิมทำนา ต้องโทษเมื่อวันที่ ๑๘ กันยายน พ..๒๔๗๒ โทษฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา กำหนดโทษตลอดชีวิต สภาพศพนอนหงายตายอยู่ในบ่อน้ำบริเวณแดนประหารชีวิต มีบาดแผล ๒ แห่ง แห่งที่ ๑ ถูกยิงเข้าที่หน้าผากทะลุออกกกหูซ้ายแผลโตกลม ๑ กระเบียด แห่งที่ ๒ ถูกยิงเข้าที่ตาซ้ายทะลุใต้แก้มซ้ายจนลูกตาทะลักแผลยาว ๔ นิ้ว กว้าง ๑ นิ้ว

              ...ติ๊ด เกตแก้ว เลขหมาย ง.๑๓๓๘ อายุ ๓๐ ปี ชาวตำบลสระพลี อำเภอบางสน จังหวัดชุมพร อาชีพเดิมทำโป๊ะ ต้องโทษเมื่อวันที่ ๒๙ มกราคม พ..๒๔๖๙ โทษฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา กำหนดโทษ ๒๐ ปี สภาพศพนอนหงายตายอยู่ในบ่อน้ำบริเวณแดนประหารชีวิต (นอนตายข้างน..กวย มีสี) มีบาดแผลถูกกระสุนปืนเข้าที่เหนือราวนมซ้ายโตกลม ๑ กระเบียด ทะลุออกใต้สะบักขวาแผลโตกลม ๒ นิ้ว

              ...สุด ฉ่ำโวหาร เลขหมาย ง.๑๓๒๓ อายุ ๓๘ ปี ชาวตำบลบางซื่อ อำเภอบางซื่อ จังหวัดพระนคร อาชีพเดิมทำสวน ต้องโทษเมื่อวันที่ ๘ มีนาคม พ..๒๔๖๔ โทษฐานปล้นทรัพย์ กำหนดโทษ ๑๗ ปี สภาพศพนอนหงายตายอยู่ริมท่อน้ำข้างโรงย้อมผ้าด้านเหนือ มีบาดแผล ๓ แห่ง แห่งที่ ๑ ถูกยิงเข้าที่คางขวาทะลุท้ายทอยโตกลม ๒ กระเบียด แห่งที่ ๒ ถูกยิงเข้าที่กกหูขวากว้าง ๒ กระเบียด ยาว ๑ นิ้วลึกเข้าสมอง แห่งที่ ๓ ถูกยิงเข้าที่กกหูขวาห่างจากแห่งที่ ๒ ประมาณ ๓ กระเบียดแผลโตกลม ๑ กระเบียดทะลุเข้าสมอง

              ...โทน หรือสาย อารักษ์ เลขหมาย ง.๒๘๓๐ อายุ ๓๑ ปี ชาวตำบลปลายโพงพาง อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม อาชีพเดิมทำสวน ต้องโทษเมื่อวันที่ ๒๕ มกราคม พ..๒๔๗๒ โทษฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา กำหนดโทษตลอดชีวิต สภาพศพถูกยิงเข้าที่เชิงกรานหลังด้านขวาโตกลม ๑ กระเบียด ทะลุไข่ดันขวาโตกลม ๑ นิ้ว มาตายที่สถานพยาบาลของเรือนจำ

              ...เจียน บุตร์ทิพย์ เลขหมาย ง.๑๗๔๔ อายุ ๓๖ ปี ชาวตำบลมักกะเค้า อำเภอหนองจอก จังหวัดเพชรบุรี อาชีพเดิมทำนา ต้องโทษเมื่อวันที่ ๑ กันยายน พ..๒๔๖๕ โทษฐานปล้นทำร้ายเจ้าทรัพย์และมีอาวุธปืนไม่จดทะเบียน กำหนดโทษ ๓๐ ปี กับ ๒๓๒ วัน สภาพศพมีบาดแผล ๔ แห่ง แห่งที่ ๑ ถูกยิงเข้าที่ใต้หูซ้ายทะลุตาขวาจนลูกตาทะลัก แห่งที่ ๒ ถูกยิงเข้าที่สีข้างซ้ายระหว่างซี่โครงที่ ๙-๑๐ แผลโตกลม ๒ กระเบียด ทะลุข้างท้องแถบซ้ายระหว่างซี่โครงที่ ๑๑-๑๒ แผลโตกลม ๓ นิ้ว แห่งที่ ๓ ถูกของแข็งกระแทกที่โคนขาขวาด้านนอกถลอก หนังขาดกว้าง ๒ นิ้วยาว ๓ นิ้ว แห่งที่ ๔ ถูกยิงเข้าที่นิ้วเท้ากลางข้างซ้ายจนข้อปลายนิ้วขาด มาตายที่สถานพยาบาลของเรือนจำ

              ...เซี้ยว แซ่ฉิน เลขหมาย ง.๑๔๖๐ อายุ ๓๖ ปี ชาวตำบลราชบุรี อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี อาชีพเดิมรับจ้าง ต้องโทษเมื่อวันที่ ๓๐ เมษายน พ..๒๔๗๒ โทษฐานชิงทรัพย์ฆ่าเจ้าทรัพย์ตาย กำหนดโทษตลอดชีวิต สภาพศพมีบาดแผล ๕ แห่ง แห่งที่ ๑ ถูกของแข็งเข้าที่กลางศีรษะ ๓ แผล จนกะโหลกแตกถึงสมอง แห่งที่ ๒ ถูกของแข็งที่ศีรษะแถบขวากว้าง ๒ กระเบียด ยาว ๑ นิ้วครึ่ง ลึกถึงกะโหลก แห่งที่ ๓ ถูกของแข็งที่ศีรษะแถบซ้ายลึกถึงกะโหลก แห่งที่ ๔ ถูกของแข็งที่หน้าผากลึกถึงกะโหลก แห่งที่ ๕ ถูกของแข็งที่ศรีษะข้างซ้ายลึกถึงกะโหลก มาตายที่สถานพยาบาลเรือนจำ

              สำหรับสาเหตุการเสียชีวิตของน..เซี้ยว แซ่ฉิน เนื่องจากขณะที่เจ้าหน้าที่ได้เข้าไปล้อมจับกุมนักโทษที่หลบซ่อนอยู่ในบ่อน้ำบริเวณแดนประหารชีวิต น..เซี้ยวและพวกอีก ๒ คนได้ปีนขึ้นมาจากบ่อน้ำและตรงเข้าจะฟันนายต่วนผู้คุมใหญ่ผู้ช่วยหัวหน้าโรงครัว เจ้าหน้าที่จึงเข้าช่วยกันกลุ้มรุมทำร้ายนักโทษทั้ง ๓ คนเพื่อป้องกันชีวิตของเจ้าหน้าที่ จนกระทั่งน..เซี้ยวไปตายที่สถานพยาบาลในภายหลัง

              ส่วนนักโทษที่ถูกยิงตาย ไม่มีเจ้าหน้าที่คนใดยอมรับว่าเป็นคนยิง ซึ่งทางกรมอัยการเห็นว่า การที่ตำรวจป้อมรักษาการณ์และเหล่าเจ้าหน้าที่ที่ใช้ปืนยิงพวกนักโทษที่พยายามแหกคุกในครั้งนี้ ได้กระทำไปโดยคำสั่งที่ชอบและการกระทำการตามหน้าที่พอสมควรแก่เหตุ ไม่ควรฟ้องร้องเอาความผิดแก่ฝ่ายเจ้าพนักงาน สมุหพระนครบาลเห็นชอบด้วย จึงขออนุมัติระงับการฟ้องร้องเจ้าหน้าที่ซึ่งกระทำการจับกุมปราบปรามนักโทษพยายามแหกคุกตายและบาดเจ็บนั้นเสีย

              กระทรวงมหาดไทยได้พิจารณาเห็นว่าพฤติการณ์ที่พวกนักโทษจำนวนมากด้วยกันร่วมความคิดกันพยายามแหกคุกและต่อสู้ทำร้ายเจ้าพนักงานคราวนี้ นับว่านักโทษทำการอุกอาจร้ายแรงมาก กระทรวงมหาดไทยเห็นพ้องด้วยความเห็นกรมอัยการและสมุหพระนครบาลว่าเจ้าพนักงานได้กระทำไปแต่พอสมควรแก่เหตุ จึงได้มีตราสั่งอนุมัติสั่งไม่ฟ้องเจ้าหน้าที่ทั้งหมดไปยังสมุหพระนครบาล

              การแหกหักเรือนจำมหันตโทษครั้งนี้ ถือได้ว่าเป็นครั้งแรกของเรือนจำกลางบางขวาง นับตั้งแต่ย้ายเรือนจำมหันตโทษมาอยู่ที่บางขวางแห่งนี้  





หมายเหตุ...ภาษาที่ใช้และหน่วยวัดต่างๆ ใช้ตามข้อมูลเดิมที่ค้นคว้ามาได้              
                 

วันอาทิตย์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2557

4.นักโทษประหารก่อเหตุร้าย






          ภายในห้องขังนักโทษประหารเรือนจำกองมหันตโทษ(แห่งเก่าซึ่งตั้งอยู่ใกล้เสาชิงช้า) อ้ายอิดซือหรือโล่จุ๊ยซัง นักโทษประหารโทษฐานสมคบกับพวกหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นและฆ่าคนตาย ต่อสู้ยิงเจ้าพนักงานบาดเจ็บสาหัส ซึ่งกำหนดจะทำการประหารชีวิตในวันที่ ๗ กรกฎาคม พ..๒๔๗๓ ได้วางแผนชักชวนเพื่อนนักโทษประหารร่วมก่อการแหกหักห้องประหารเพื่อหนีโทษประหารชีวิตที่จะมาถึงในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

           ปรากฏว่ามีนักโทษประหารที่สมัครใจเข้าร่วมก่อเหตุจำนวน ๕ คนคือ อ้ายเชาจอง อ้ายหยุยเกียถิน อ้ายเนียม อ้ายโปจั๊ว และอ้ายหน่าย ซึ่งทั้งหมดได้ใช้เหล็กหูหิ้วถังสังกะสีสำหรับรองถ่ายอุจจาระในห้องขังหักออกแล้วฝนให้แหลมเพื่อใช้เป็นอาวุธในการหลบหนี จากนั้นได้รอโอกาสที่จะดำเนินการแหกหักตามแผน
 
           วันที่ ๕ กรกฎาคม พ..๒๔๗๓ เวลา ๑๔.๑๕ น. ขณะที่นายดาบตำรวจฉัตร์ เชาว์เฉลียว เจ้าหน้าที่รักษาการณ์ห้องขังนักโทษประหาร ไขกุญแจประตูห้องขังเข้าไปร้อยโซ่นักโทษตามปกติ ในระหว่างที่นายดาบตำรวจฉัตร์เปิดประตูออก อ้ายอิดซือ อ้ายเชาจอง อ้ายหยุยเกียถิน อ้ายเนียม นักโทษประหารรวม ๔ คน ได้เข้ากลุ้มรุมทำร้ายนายดาบตำรวจฉัตร์จนล้มลง

           จากนั้นอ้ายหยุยเกียถินได้เข้าแย่งลูกกุญแจจากเอวของนายดาบตำรวจฉัตร์ไปไขห้องขังห้องที่ ๖ ให้อ้ายโปจั๊วและอ้ายหน่ายออกมาเพื่อร่วมกันก่อเหตุร้าย นายดาบตำรวจฉัตร์ได้ตะโกนร้องขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ที่อยู่ด้านนอก จึงได้มีการระดมกำลังเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือระงับเหตุในทันที

           พระยาพัศดีกลาง เจ้ากรม หลวงลิขิตวิจารณ์ ปลัดกรม นายร้อยตำรวจตรี ขุนอาทรสุรทัณฑ์ พร้อมด้วยนายสิบ พลตำรวจและผู้คุม ได้บุกเข้าไปในห้องขังนักโทษประหารเพื่อช่วยเหลือนายดาบตำรวจฉัตร์และหยุดยั้งการพยายามแหกหักห้องขังของกลุ่มนักโทษประหาร เมื่อเข้าไปถึงนักโทษประหารทั้ง ๖ คนไม่ยอมจำนน และได้หันมาต่อสู้กับกลุ่มเจ้าหน้าที่อย่างยอมตาย จึงเกิดการต่อสู้กันอย่างรุนแรงชนิดที่ว่าใครดีใครอยู่ หลังจากต่อสู้กันได้สักครู่เจ้าหน้าที่สามารถแย่งอาวุธจากกลุ่มนักโทษประหารมาได้และจับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้ทั้งหมด ซึ่งต่างก็ได้รับบาดเจ็บกันทั้งสองฝ่าย โดยฝ่ายเจ้าหน้าที่มีนายดาบตำรวจฉัตร์ ได้รับบาดเจ็บรวม ๑๒ แผลแต่ไม่สาหัส และบาดเจ็บเล็กน้อยอีก ๖ นาย

           ส่วนกลุ่มนักโทษประหารบาดเจ็บสาหัสจำนวน ๕ คนคือ อ้ายอิดซือ มีบาดแผลจากการต่อสู้ ๘ แห่งและอยู่ได้ประมาณ ๔ ชั่วโมงครึ่งก็ขาดใจตายด้วยพิษบาดแผล อ้ายเนียมมีบาดแผล ๑๐ แห่ง อ้ายหน่ายมีบาดแผล ๙ แห่ง อ้ายเชาจองมีบาดแผล ๙ แห่ง อ้ายโจั๊วมีบาดแผล ๓ แห่ง ส่วนอ้ายหยุยเกียถินบาดเจ็บเล็กน้อย เจ้าหน้าที่จึงส่งตัวนักโทษประหารทั้งหมดเข้าทำการรักษาพยาบาลเพื่อช่วยชีวิต

           จากการสอบสวนนักโทษประหารที่ก่อเหตุต่างให้การว่า อ้ายอิดซือหรือโล่จุ๊ยซังที่ตายไปแล้วเป็นหัวโจกชักชวนให้เข้าร่วมแหกหักห้องขัง เนื่องจากรู้ตัวว่าจะต้องถูกประหารชีวิตอย่างแน่นอนในอีกไม่กี่วันข้างหน้า จึงชักชวนให้ทั้งหมดพยายามแหกหักออกไปตายเอาดาบหน้า ถ้าแหกหักไม่สำเร็จก็ให้ยอมตายเสียในห้องขัง โดยอ้ายอิดซือได้บอกว่าให้ยอมตายเสียในห้องขังดีกว่าการถูกประหาร

           เหตุการณ์ครั้งนี้นับเป็นการแหกหักห้องขังของนักโทษประหารในเรือนจำกองมหันตโทษแห่งเก่าเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะย้ายเรือนจำกองมหันตโทษไปอยู่ที่ตำบลบางขวาง จังหวัดนนทบุรี



ที่มาหอจดหมายเหตุแห่งชาติ   

วันเสาร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

3.จดหมายร้องเรียนและคำสั่งลงโทษผู้คุม



เรือนจำจังหวัดกระบี่
วันที่ ๒๑ กรกฎาคม พ..๒๔๗๙

              กราบเรียนท่านขุนไมตรีประชารักษ์ ข้าหลวงประจำจังหวัดกระบี่ มีข้อความดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ เมื่อวันที่ ๕ เดือนนี้ ได้มีเหตุเกิดขึ้นอย่างน่าบัดสี ที่เรือนจำ เหตุนี้เป็นเพราะเจ้าพนักงานผู้คุมซึ่งรู้ดี ในทางกฎข้อบังคับของเรือนจำอยู่แล้ว ยังเป็นใจให้นักโทษกระทำผิดโดยตรง เป็นเหตุให้เสียระเบียบการปกครองของกรมราชทัณฑ์ ซึ่งนักโทษเป็นคนหมู่มากจะเอาตัวอย่างต่อๆไป พวกกระผมที่มีนามอยู่ข้างท้ายจดหมายนี้เห็นว่ามีความผิด จึงได้ร้องเรียนมาเพื่อทราบ ได้โปรดทำการไต่สวนในเรื่องนี้ด้วย

              ข้อ ๒ ในวันที่ ๖ เดือนเดียวกัน มีท่านผู้คุม ๓ ท่าน คือ นายลอย อินยฤทธ์ นายแดง เกื้อบุตร์ นายร่วง พูดเพราะ ทั้ง ๓ ท่านนี้มีตำแหน่งผู้คุมตรีได้กระทำไม่สมกับเป็นคนของกรมราชทัณฑ์ ซึ่งกรมได้จ้างไว้กินเงินเดือนเสียเปล่าๆ ได้รู้เห็นเป็นใจร่วมคิดกันกับ น..ไล่ ประไพ ที่มีหน้าที่เป็นคนหุงต้มอาหารของนักโทษประจำครัว แล้วนายลอยผู้คุมได้มีคำสั่งให้จ่ายนักโทษหญิงแดงหรือง่อยออกจากห้องขังหญิงไปเก็บกากข้าวที่ห้องพัศดุครัวคนเดียว ในเวลานั้น น..ไล่ ประไพได้พูดกับผู้คุม คือนายลอยจึงได้บังอาจเข้าไปอยู่ในห้องด้วย แล้วเอากุญแจใส่ไว้ข้างนอกเป็นการห้ามนักโทษอื่นๆ พวกกระผมเห็นว่าผิดการกระทำนั้น จึงได้พากันไปลอดมองดูเห็นกำลังเกิดการเสียหายกันอยู่

              ข้อ ๓ นายแดง เกื้อบุตร์ เป็นผู้คุมรู้เห็นการกระทำของ น..ไล่ดี แต่เงียบเนื้อความไว้เสียไม่ได้ไต่สวนหรือทำรายงานยื่นต่อผู้บังคับเหนือ ซึ่งนายแดงผู้คุมก็ทราบข้อบังคับดีอยู่แล้วหรือนายแดงยื่นรายงานไว้แล้วก็ไม่ทราบ แต่เรื่องยังเงียบไม่เห็นใครเข้าไปไต่สวน ถ้าพระเดชพระคุณทราบจากจดหมายรายงานนี้แล้วได้กรุณาโปรดเข้าไปไต่สวน เพื่อความสงบของเรือนจำ เพราะ น..ไล่ ประไพมีใจกำเริบขึ้นทุกวันๆ พร้อมทั้งมีปากเสียงพูดว่าพวกกระผมเป็นแต่เพียงนักโทษใครจะฟ้องร้องได้ แม้แต่ผู้คุมก็ยังให้โอกาส พวกกระผมจึงร้องเรียนมายังท่านอยากทราบว่าจะผิดข้อบังคับหรือไม่ ถ้าเห็นว่าไม่ผิดพวกกระผมจะได้ประพฤติเอาเป็นตัวอย่างต่อๆไป แต่น่ากลัวว่าจะเกิดการไม่สงบขึ้นภายในเรือนจำเป็นแน่เพราะ น..ไล่ได้ด่าว่าพวกกระผมทุกๆคืน ๑ ที่นอน น..ไล่นอนติดกันกับห้องขังหญิง พวกกระผมจะพูดอะไรกันบ้างก็เป็นการของน..ไล่ทั้งนั้น พวกกระผมทนนิ่งอยู่เพื่อความสงบในเรื่องที่ได้ร้องเรียนมานี้ พวกกระผมทั้งหมดขอรับรองว่าเป็นความจริง ถ้าเป็นความไม่จริง พวกกระผมขออ้างนายก้าเหรี้ยผู้คุมใหญ่ ได้ไต่สวนความจริงจาก น..แดงหรือง่อยได้รับสารภาพไว้ชั้นหนึ่งแล้วพร้อม น..ลับ ส่วนพะยานอื่นๆที่ไม่ได้ระบุชื่อมาในรายงานนี้ เพราะผู้คุมใหญ่แลท่านพัศดีก็ทราบอยู่แล้วทั้งสิ้น ขอได้โปรดทำความไต่สวนให้พวกกระผมผู้ร้องทุกข์ต่อไป ถ้าเป็นอย่างไรท่านได้กรุณาโปรดส่งตามลำดับชั้นต่อๆไป.


                                                            ควรมิควรสุดแล้วแต่จะกรุณา
                                                (ลงชื่อ) กลิ่น ราชฤทธิ์                     ผู้ร้องทุกข์
                                                (ลงชื่อ) พร้อม รัตนบุรี                    ผู้ร้องทุกข์
                                                (ลงชื่อ) โรย จันมร์ส่งแสง              ผู้ร้องทุกข์
                                                (ลงชื่อ) ทิ้ง แก้วนำ               ผู้ร้องทุกข์


เป็นสำเนาอันถูกต้อง



                                                                                                ก้าเหรี้ย คัด ทาน





บันทึกความเห็นของคณะกรรมการ

เรื่อง ข้าราชการต้องหาว่ากระทำผิดวินัยข้าราชการพลเรือน


                                                            --------------

              เรื่องนี้ นักโทษชายกลิ่น ราชฤทธิ์ นักโทษชายพร้อม รัตนบุรี นักโทษชายโรย จันทร์ส่งแสง และ นักโทษชายทิ้ง แก้วนำ ได้ยื่นเรื่องราวกล่าวโทษนายลอย อินยฤทธิ์ นายแดง เกื้อบุตร์ และ นายร่วง พูดเพราะ ผู้คุมตรีเรือนจำจังหวัดกระบี่ มีข้อความว่า นายลอย อินยฤทธิ์ ได้สมคบกับนักโทษชายไล่ ประไพ สั่งให้จ่ายนักโทษหญิงแดงหรือง่อยออกจากห้องขังหญิงไปเก็บกากข้าวที่ห้องพัศดุครัว และนักโทษชายไล่ ประไพ ได้เข้าไปอยู่ในห้องนั้นด้วย แล้วเอากุญแจใส่ข้างนอก กระทำให้เกิดการเสียหายและผิดข้อบังคับของเรือนจำ นายแดง เกื้อบุตร์ ได้รู้เห็นแต่ไม่นำความไปแจ้งแก่ผู้บังคับบัญชา ส่วนนายร่วง พูดเพราะ มีหน้าที่ถือกุญแจห้องพัสดุครัว

              นายลอย อินยฤทธิ์ ให้การว่า การไขห้องขังนักโทษชายตามระเบียบของเรือนจำนี้ได้ไขเวลา ๖.๐๐ น.ทุกวัน แต่หากถึงเวรนายลอยทุกคราว นายลอย ได้ไขห้องขังก่อนกำหนดที่กล่าวนี้ให้นักโทษชายไล่ กับ นักโทษชายหมานุ้ยหัวหน้าโรงครัวไปก่อไฟต้มน้ำร้อน ส่วนนักโทษคนอื่นเคยได้ขอร้องให้เขาออกไปบ้าง แต่นายลอยห้ามไม่ให้ออกโดยกล่าวว่ายังไม่ถึงเวลา ในวันที่กล่าวหากันนี้ นักโทษชายไล่ได้มาขอร้องให้นายลอยจ่ายนักโทษหญิงแดงไปช่วยเลือกข้าวสาร นายลอยจึงจ่ายนักโทษหญิงแดงหรือง่อยและนักโทษหญิงบอดให้ไป นายลอยมีความตั้งใจจะให้ไปเลือกข้าวสารกันที่โรงครัว แต่เขาจะพากันไปเลือกข้าวสารกันที่ไหนนายลอยไม่ทราบ และในวันที่กล่าวหากันนั้นนายลอยไม่ได้รับฝากกุญแจห้องข้าวสารไว้จากนายร่วงผู้คุม

              นายแดง เกื้อบุตร์ ให้การว่า นายแดงมีหน้าที่ควบคุมนักโทษไปทำงานภายนอกเรือนจำ ในวันที่กล่าวหากันนั้นนายแดงนำนักโทษเข้ามาในเรือนจำเพื่อรับประทานอาหาร ได้เดินไปที่ข้างห้องพัศดุเก็บข้าวสาร ภายในห้องนั้นได้ยินเสียงคนพูดซุบซิบกัน แต่ประตูห้องใส่กุญแจ มีความสงสัยจึงมองตามช่องกระดานบานประตู เห็นนักโทษชายไล่กับนักโทษหญิงแดงหรือง่อยนั่งบนกระสอบข้าวสารจับต้องกอดจูบกันอยู่ นายแดงตั้งใจที่จะรายงานเหตุนี้ต่อพัศดีเรือนจำแต่ในวันนั้นไม่มีโอกาส ครั้นรุ่งขึ้นพัศดีเรือนจำได้เรียกนายแดงไปสอบสวนถามจึ่งแจ้งให้ทราบดั่งที่ให้การมาแล้ว

              นายร่วง พูดเพราะ ให้การว่า ตามวันเวลาที่กล่าวหากันนั้นนายร่วงไปตลาดปากน้ำเพื่อสั่งให้นายขุ้นส่งผักไปให้เรือนจำทำอาหารเลี้ยงนักโทษ ได้ฝากลูกกุญแจห้องขังพัศดุข้าวสารไว้กับนายลอย พอนายร่วงกลับจากตลาดมาถึงเรือนจำนายลอยก็คืนลูกกุญแจให้ ไม่ได้รู้เห็น เป็นแต่ได้ยินนักโทษพูดกันถึงเรื่องนี้ แต่นายร่วงไม่เชื่อว่าเป็นความจริง

              นักโทษชายไล่ ประไพ ให้การว่า นายลอยได้ไขกุญแจห้องขังให้นักโทษชายไล่ กับ นักโทษชายหมานุ้ยออกไปก่อนนักโทษอื่นๆ แต่เวลา ๕.๓๐ น.ทุกๆวัน ในวันที่กล่าวหากันนั้น เมื่อนายลอยได้ไขกุญแจห้องข้าวสารจ่ายข้าวสารให้นักโทษชายไล่แล้ว นักโทษชายไล่ได้ขอร้องให้นายลอยจ่ายนักโทษหญิงแดงไปช่วยนักโทษชายไล่เก็บกากข้าวสาร นายลอยจึงเรียกนักโทษหญิงแดงหรือง่อยและนักโทษหญิงบอดไปช่วย และนายลอยได้มอบลูกกุญแจห้องข้าวสารให้นักโทษชายไล่ไปไขห้องพัศดุข้าวสาร  นักโทษชายไล่จึ่งให้นักโทษหญิงทั้งสองเลือกกากข้าวสารอยู่ในห้องข้าวสาร แล้วใส่กุญแจขังนักโทษหญิงทั้งสองไว้แล้วเลยไปที่โรงครัว

              นักโทษหญิงแดงหรือง่อย ให้การว่า นายลอยเคยจ่ายให้ไปเลือกข้าวสารทั้งหมดรวม ๕ ครั้ง ไปกับนักโทษหญิงบอด ๒ ครั้ง ไปคนเดียว ๓ ครั้ง และการไขกุญแจห้องข้าวสารนักโทษชายไล่เอากุญแจจากนายลอยมาไขให้ทุกครั้ง

              เมื่อพิเคราะห์ถึงน้ำหนักและหลักฐานแห่งคำพะยานในสำนวนการไต่สวนนี้แล้ว เห็นว่ากรณีย์นี้ฟังได้สนิทว่า นายลอย อินยฤทธิ์ ได้ไขห้องขังให้นักโทษชายไล่ และ นักโทษชายหมานุ้ย ออกก่อนกำหนดเวลาตามระเบียบของเรือนจำ และได้จ่ายนักโทษหญิงแดงหรือง่อย นักโทษหญิงบอดไปกับนักโทษชายไล่โดยปราศจากข้อสงสัย เพราะนอกจากนายลอยจะให้การรับแล้ว ยังมีหลักฐานพะยานในสำนวนนี้อีก พอที่จะเชื่อได้ว่าเป็นความจริง และนายลอยมีความสัมพันธ์กับนักโทษชายไล่ และ นักโทษชายหมานุ้ย โดยที่นักโทษทั้งสองนี้เป็นหัวหน้าโรงครัวได้ส่งเศษอาหารให้แก่นายลอย นายลอยเป็นผู้ประมูลเศษอาหารส่งให้แก่ผู้อื่นอีกต่อหนึ่ง การกระทำของนายลอยนี้ผิดต่อข้อบังคับเรือนจำสำหรับคุมขังนักโทษตามหัวเมือง ร..๑๑๘ ข้อ ๔๙ และพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ..๒๔๗๖ มาตรา ๔๐,๔๑,และ ๔๒

              ในข้อที่กล่าวหาว่านักโทษชายไล่ กับ นักโทษหญิงแดงหรือง่อย ได้ร่วมประเวณีกันในห้องพัศดุเก็บข้าวสารนั้น เมื่อพิจารณาพะยานหลักฐานตามที่ปรากฏในสำนวนการไต่สวนแล้ว กรรมการคณะนี้ไม่เชื่อว่าเป็นความจริง เพราะในบางตอนพะยานเบิกความแตกต่างกัน และบางตอนมีเหตุอันน่าสงสัยว่าพะยานจะได้ซักซ้อมกันมาให้การปรักปรำเอาก็ได้ แต่คณะกรรมการเชื่อว่านักโทษชายไล่กับนักโทษหญิงแดงหรือง่อย ได้เข้าไปอยู่โดยลำพังสองต่อสองในห้องพัศดุเก็บข้าวสารจริง ทั้งนายแดงผู้คุมก็ให้การรับรองในข้อนี้ว่าได้เห็นนักโทษชายไล่กับนักโทษหญิงแดงหรือง่อยกำลังกอดจูบกันอยู่

              ข้อหาฉะเพาะตัวนายแดง เกื้อบุตร์ ฟังได้ว่าเป็นผู้คุมซึ่งมีหน้าที่ควบคุมนักโทษไปทำงานภายนอกเรือนจำ ไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับกิจการภายในเรือนจำ ครั้นบังเอิญไปเห็นเหตุการณ์เข้า ในวันรุ่งขึ้นก็ได้แจ้งเหตุการณ์ให้พัศดีเรือนจำทราบ ซึ่งพัศดีเรือนจำได้ให้การรับรองอยู่แล้ว จึ่งเห็นว่าไม่ควรมีความผิด

              ข้อหาฉะเพาะตัวนายร่วง พูดเพราะ ซึ่งมีหน้าที่เป็นผู้ถือลูกกุญแจห้องพัศดุนั้นก็ดี แต่ขณะที่เกิดเหตุนี้นายร่วงได้ไปธุระนอกเรือนจำด้วยกิจธุระของเรือนจำ กับได้มอบลูกกุญแจไว้กับนายลอย และในข้อนี้แม้นายลอยจะปฏิเสธว่านายร่วงไม่ได้ฝากลูกกุญแจนี้ไว้กับตนก็ดี แต่คดีมีหลักฐานเพียงพอว่า ลูกกุญแจห้องพัศดุได้ไปอยู่ที่นายลอยจริง เช่นนักโทษชายไล่เบิกความว่า ได้ไปเอากุญแจจากนายลอยมาไขห้องพัศดุ กับได้เอาลูกกุญแจไปคืนที่นายลอย เป็นต้น ดั่งนี้เชื่อได้ว่านายร่วงหาได้รู้เห็นเหตุการณ์เรื่องนี้แต่อย่างใดไม่.


                                                                        (ลงนาม) วาสนา วงศ์สุวรรณ์         กรรมการ

                                                                        (ลงนาม) หกเซ่ง เหมฤก               กรรมการ

                                                                        (ลงนาม) นิธยากรวิจิตร                   กรรมการ


เป็นสำเนาอันถูกต้อง



                                                                                                            ก้าเหรี้ย  คัด  ทาน






                                                                            ตราครุฑ


ที่ ๒๔๖๗/๒๔๗๙                                                               ศาลากลางจังหวัดกระบี่


                                                            ๒๒ สิงหาคม ๒๔๗๙

เรื่อง ตัดเงินเดือนผู้คุม
จาก คณะกรมการจังหวัดกระบี่
ถึง   ปลัดกระทรวงมหาดไทย

              ด้วยได้รับคำร้องของ น.. กลิ่น ราชฤทธิ์ กับพวกหาว่า นายลอย อินยฤทธิ์ นายแดง เกื้อบุตร์ นายร่วง พูดเพราะ ผู้คุมตรีเรือนจำจังหวัดกระบี่ กระทำผิดวินัยข้าราชการพลเรือนดั่งปรากฏข้อความตามสำเนาซึ่งได้เสนอมาพร้อมกับหนังสือนี้ด้วยแล้ว

              เรื่องนี้ ได้ตั้งกรรมการรวม ๓ นายทำการสอบสวน ได้ความตามสำนวนการไต่สวนและบันทึกความเห็นของคณะกรรมการ ซึ่งคัดสำเนาเสนอมาพร้อมหนังสือนี้ และ อ... จังหวัดกระบี่ ได้พิจารณาปรึกษาพร้อมกันแล้วเห็นว่า นายลอย อินยฤทธิ์ ผู้เดียว มีความผิดตามข้อบังคับเรือนจำสำหรับคุมขังนักโทษตามหัวเมือง ร..๑๑๘ ข้อ ๔๙ และพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ..๒๔๗๖ มาตรา ๔๐๔๑ และ ๔๒ จึ่งลงมติให้ตัดเงินเดือน นายลอย อินยฤทธิ์ เสีย ๑๐ เปอร์เซ็นต์มีกำหนด ๓ เดือน ตั้งแต่เดือนสิงหาคม ๒๔๗๙ เป็นต้นไป

              เพราะฉะนั้น จึ่งได้ส่งสำเนาเอกสารการสอบสวนรวม ๒๗ ฉบับ มาพร้อมกับหนังสือนี้ด้วยแล้ว.


                                                                        ขอแสดงความนับถืออย่างสูง
                                                                        (ลายเซ็นอ่านได้ว่าประเสริฐ)
                                                                        อัยยการจังหวัดลงนามแทน







ที่มาหอจดหมายเหตุแห่งชาติ มท.๐๒๐๑.๓/๑๒