วันอาทิตย์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2557

4.นักโทษประหารก่อเหตุร้าย






          ภายในห้องขังนักโทษประหารเรือนจำกองมหันตโทษ(แห่งเก่าซึ่งตั้งอยู่ใกล้เสาชิงช้า) อ้ายอิดซือหรือโล่จุ๊ยซัง นักโทษประหารโทษฐานสมคบกับพวกหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นและฆ่าคนตาย ต่อสู้ยิงเจ้าพนักงานบาดเจ็บสาหัส ซึ่งกำหนดจะทำการประหารชีวิตในวันที่ ๗ กรกฎาคม พ..๒๔๗๓ ได้วางแผนชักชวนเพื่อนนักโทษประหารร่วมก่อการแหกหักห้องประหารเพื่อหนีโทษประหารชีวิตที่จะมาถึงในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

           ปรากฏว่ามีนักโทษประหารที่สมัครใจเข้าร่วมก่อเหตุจำนวน ๕ คนคือ อ้ายเชาจอง อ้ายหยุยเกียถิน อ้ายเนียม อ้ายโปจั๊ว และอ้ายหน่าย ซึ่งทั้งหมดได้ใช้เหล็กหูหิ้วถังสังกะสีสำหรับรองถ่ายอุจจาระในห้องขังหักออกแล้วฝนให้แหลมเพื่อใช้เป็นอาวุธในการหลบหนี จากนั้นได้รอโอกาสที่จะดำเนินการแหกหักตามแผน
 
           วันที่ ๕ กรกฎาคม พ..๒๔๗๓ เวลา ๑๔.๑๕ น. ขณะที่นายดาบตำรวจฉัตร์ เชาว์เฉลียว เจ้าหน้าที่รักษาการณ์ห้องขังนักโทษประหาร ไขกุญแจประตูห้องขังเข้าไปร้อยโซ่นักโทษตามปกติ ในระหว่างที่นายดาบตำรวจฉัตร์เปิดประตูออก อ้ายอิดซือ อ้ายเชาจอง อ้ายหยุยเกียถิน อ้ายเนียม นักโทษประหารรวม ๔ คน ได้เข้ากลุ้มรุมทำร้ายนายดาบตำรวจฉัตร์จนล้มลง

           จากนั้นอ้ายหยุยเกียถินได้เข้าแย่งลูกกุญแจจากเอวของนายดาบตำรวจฉัตร์ไปไขห้องขังห้องที่ ๖ ให้อ้ายโปจั๊วและอ้ายหน่ายออกมาเพื่อร่วมกันก่อเหตุร้าย นายดาบตำรวจฉัตร์ได้ตะโกนร้องขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ที่อยู่ด้านนอก จึงได้มีการระดมกำลังเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือระงับเหตุในทันที

           พระยาพัศดีกลาง เจ้ากรม หลวงลิขิตวิจารณ์ ปลัดกรม นายร้อยตำรวจตรี ขุนอาทรสุรทัณฑ์ พร้อมด้วยนายสิบ พลตำรวจและผู้คุม ได้บุกเข้าไปในห้องขังนักโทษประหารเพื่อช่วยเหลือนายดาบตำรวจฉัตร์และหยุดยั้งการพยายามแหกหักห้องขังของกลุ่มนักโทษประหาร เมื่อเข้าไปถึงนักโทษประหารทั้ง ๖ คนไม่ยอมจำนน และได้หันมาต่อสู้กับกลุ่มเจ้าหน้าที่อย่างยอมตาย จึงเกิดการต่อสู้กันอย่างรุนแรงชนิดที่ว่าใครดีใครอยู่ หลังจากต่อสู้กันได้สักครู่เจ้าหน้าที่สามารถแย่งอาวุธจากกลุ่มนักโทษประหารมาได้และจับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้ทั้งหมด ซึ่งต่างก็ได้รับบาดเจ็บกันทั้งสองฝ่าย โดยฝ่ายเจ้าหน้าที่มีนายดาบตำรวจฉัตร์ ได้รับบาดเจ็บรวม ๑๒ แผลแต่ไม่สาหัส และบาดเจ็บเล็กน้อยอีก ๖ นาย

           ส่วนกลุ่มนักโทษประหารบาดเจ็บสาหัสจำนวน ๕ คนคือ อ้ายอิดซือ มีบาดแผลจากการต่อสู้ ๘ แห่งและอยู่ได้ประมาณ ๔ ชั่วโมงครึ่งก็ขาดใจตายด้วยพิษบาดแผล อ้ายเนียมมีบาดแผล ๑๐ แห่ง อ้ายหน่ายมีบาดแผล ๙ แห่ง อ้ายเชาจองมีบาดแผล ๙ แห่ง อ้ายโจั๊วมีบาดแผล ๓ แห่ง ส่วนอ้ายหยุยเกียถินบาดเจ็บเล็กน้อย เจ้าหน้าที่จึงส่งตัวนักโทษประหารทั้งหมดเข้าทำการรักษาพยาบาลเพื่อช่วยชีวิต

           จากการสอบสวนนักโทษประหารที่ก่อเหตุต่างให้การว่า อ้ายอิดซือหรือโล่จุ๊ยซังที่ตายไปแล้วเป็นหัวโจกชักชวนให้เข้าร่วมแหกหักห้องขัง เนื่องจากรู้ตัวว่าจะต้องถูกประหารชีวิตอย่างแน่นอนในอีกไม่กี่วันข้างหน้า จึงชักชวนให้ทั้งหมดพยายามแหกหักออกไปตายเอาดาบหน้า ถ้าแหกหักไม่สำเร็จก็ให้ยอมตายเสียในห้องขัง โดยอ้ายอิดซือได้บอกว่าให้ยอมตายเสียในห้องขังดีกว่าการถูกประหาร

           เหตุการณ์ครั้งนี้นับเป็นการแหกหักห้องขังของนักโทษประหารในเรือนจำกองมหันตโทษแห่งเก่าเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะย้ายเรือนจำกองมหันตโทษไปอยู่ที่ตำบลบางขวาง จังหวัดนนทบุรี



ที่มาหอจดหมายเหตุแห่งชาติ