เรือนจำจังหวัดกระบี่
วันที่
๒๑ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๗๙
กราบเรียนท่านขุนไมตรีประชารักษ์
ข้าหลวงประจำจังหวัดกระบี่ มีข้อความดังต่อไปนี้
ข้อ
๑ เมื่อวันที่ ๕ เดือนนี้ ได้มีเหตุเกิดขึ้นอย่างน่าบัดสี ที่เรือนจำ
เหตุนี้เป็นเพราะเจ้าพนักงานผู้คุมซึ่งรู้ดี ในทางกฎข้อบังคับของเรือนจำอยู่แล้ว
ยังเป็นใจให้นักโทษกระทำผิดโดยตรง เป็นเหตุให้เสียระเบียบการปกครองของกรมราชทัณฑ์
ซึ่งนักโทษเป็นคนหมู่มากจะเอาตัวอย่างต่อๆไป
พวกกระผมที่มีนามอยู่ข้างท้ายจดหมายนี้เห็นว่ามีความผิด จึงได้ร้องเรียนมาเพื่อทราบ
ได้โปรดทำการไต่สวนในเรื่องนี้ด้วย
ข้อ ๒ ในวันที่ ๖ เดือนเดียวกัน
มีท่านผู้คุม ๓ ท่าน คือ นายลอย อินยฤทธ์ นายแดง เกื้อบุตร์ นายร่วง พูดเพราะ ทั้ง
๓ ท่านนี้มีตำแหน่งผู้คุมตรีได้กระทำไม่สมกับเป็นคนของกรมราชทัณฑ์
ซึ่งกรมได้จ้างไว้กินเงินเดือนเสียเปล่าๆ ได้รู้เห็นเป็นใจร่วมคิดกันกับ น.ช.ไล่ ประไพ
ที่มีหน้าที่เป็นคนหุงต้มอาหารของนักโทษประจำครัว
แล้วนายลอยผู้คุมได้มีคำสั่งให้จ่ายนักโทษหญิงแดงหรือง่อยออกจากห้องขังหญิงไปเก็บกากข้าวที่ห้องพัศดุครัวคนเดียว
ในเวลานั้น น.ช.ไล่
ประไพได้พูดกับผู้คุม คือนายลอยจึงได้บังอาจเข้าไปอยู่ในห้องด้วย
แล้วเอากุญแจใส่ไว้ข้างนอกเป็นการห้ามนักโทษอื่นๆ พวกกระผมเห็นว่าผิดการกระทำนั้น
จึงได้พากันไปลอดมองดูเห็นกำลังเกิดการเสียหายกันอยู่
ข้อ ๓ นายแดง เกื้อบุตร์
เป็นผู้คุมรู้เห็นการกระทำของ น.ช.ไล่ดี แต่เงียบเนื้อความไว้เสียไม่ได้ไต่สวนหรือทำรายงานยื่นต่อผู้บังคับเหนือ
ซึ่งนายแดงผู้คุมก็ทราบข้อบังคับดีอยู่แล้วหรือนายแดงยื่นรายงานไว้แล้วก็ไม่ทราบ
แต่เรื่องยังเงียบไม่เห็นใครเข้าไปไต่สวน
ถ้าพระเดชพระคุณทราบจากจดหมายรายงานนี้แล้วได้กรุณาโปรดเข้าไปไต่สวน
เพื่อความสงบของเรือนจำ เพราะ น.ช.ไล่
ประไพมีใจกำเริบขึ้นทุกวันๆ
พร้อมทั้งมีปากเสียงพูดว่าพวกกระผมเป็นแต่เพียงนักโทษใครจะฟ้องร้องได้
แม้แต่ผู้คุมก็ยังให้โอกาส
พวกกระผมจึงร้องเรียนมายังท่านอยากทราบว่าจะผิดข้อบังคับหรือไม่
ถ้าเห็นว่าไม่ผิดพวกกระผมจะได้ประพฤติเอาเป็นตัวอย่างต่อๆไป แต่น่ากลัวว่าจะเกิดการไม่สงบขึ้นภายในเรือนจำเป็นแน่เพราะ
น.ช.ไล่ได้ด่าว่าพวกกระผมทุกๆคืน ๑
ที่นอน น.ช.ไล่นอนติดกันกับห้องขังหญิง
พวกกระผมจะพูดอะไรกันบ้างก็เป็นการของน.ช.ไล่ทั้งนั้น พวกกระผมทนนิ่งอยู่เพื่อความสงบในเรื่องที่ได้ร้องเรียนมานี้
พวกกระผมทั้งหมดขอรับรองว่าเป็นความจริง ถ้าเป็นความไม่จริง
พวกกระผมขออ้างนายก้าเหรี้ยผู้คุมใหญ่ ได้ไต่สวนความจริงจาก น.ญ.แดงหรือง่อยได้รับสารภาพไว้ชั้นหนึ่งแล้วพร้อม น.ช.ลับ ส่วนพะยานอื่นๆที่ไม่ได้ระบุชื่อมาในรายงานนี้
เพราะผู้คุมใหญ่แลท่านพัศดีก็ทราบอยู่แล้วทั้งสิ้น ขอได้โปรดทำความไต่สวนให้พวกกระผมผู้ร้องทุกข์ต่อไป
ถ้าเป็นอย่างไรท่านได้กรุณาโปรดส่งตามลำดับชั้นต่อๆไป.
ควรมิควรสุดแล้วแต่จะกรุณา
(ลงชื่อ) กลิ่น ราชฤทธิ์ ผู้ร้องทุกข์
(ลงชื่อ) พร้อม รัตนบุรี ผู้ร้องทุกข์
(ลงชื่อ) โรย จันมร์ส่งแสง ผู้ร้องทุกข์
(ลงชื่อ) ทิ้ง แก้วนำ ผู้ร้องทุกข์
เป็นสำเนาอันถูกต้อง
ก้าเหรี้ย คัด ทาน
บันทึกความเห็นของคณะกรรมการ
เรื่อง ข้าราชการต้องหาว่ากระทำผิดวินัยข้าราชการพลเรือน
--------------
เรื่องนี้
นักโทษชายกลิ่น ราชฤทธิ์ นักโทษชายพร้อม รัตนบุรี นักโทษชายโรย จันทร์ส่งแสง และ
นักโทษชายทิ้ง แก้วนำ ได้ยื่นเรื่องราวกล่าวโทษนายลอย อินยฤทธิ์ นายแดง เกื้อบุตร์
และ นายร่วง พูดเพราะ ผู้คุมตรีเรือนจำจังหวัดกระบี่ มีข้อความว่า นายลอย
อินยฤทธิ์ ได้สมคบกับนักโทษชายไล่ ประไพ สั่งให้จ่ายนักโทษหญิงแดงหรือง่อยออกจากห้องขังหญิงไปเก็บกากข้าวที่ห้องพัศดุครัว
และนักโทษชายไล่ ประไพ ได้เข้าไปอยู่ในห้องนั้นด้วย แล้วเอากุญแจใส่ข้างนอก
กระทำให้เกิดการเสียหายและผิดข้อบังคับของเรือนจำ นายแดง เกื้อบุตร์
ได้รู้เห็นแต่ไม่นำความไปแจ้งแก่ผู้บังคับบัญชา ส่วนนายร่วง พูดเพราะ
มีหน้าที่ถือกุญแจห้องพัสดุครัว
นายลอย อินยฤทธิ์
ให้การว่า การไขห้องขังนักโทษชายตามระเบียบของเรือนจำนี้ได้ไขเวลา ๖.๐๐ น.ทุกวัน แต่หากถึงเวรนายลอยทุกคราว นายลอย
ได้ไขห้องขังก่อนกำหนดที่กล่าวนี้ให้นักโทษชายไล่ กับ
นักโทษชายหมานุ้ยหัวหน้าโรงครัวไปก่อไฟต้มน้ำร้อน
ส่วนนักโทษคนอื่นเคยได้ขอร้องให้เขาออกไปบ้าง
แต่นายลอยห้ามไม่ให้ออกโดยกล่าวว่ายังไม่ถึงเวลา ในวันที่กล่าวหากันนี้
นักโทษชายไล่ได้มาขอร้องให้นายลอยจ่ายนักโทษหญิงแดงไปช่วยเลือกข้าวสาร
นายลอยจึงจ่ายนักโทษหญิงแดงหรือง่อยและนักโทษหญิงบอดให้ไป
นายลอยมีความตั้งใจจะให้ไปเลือกข้าวสารกันที่โรงครัว
แต่เขาจะพากันไปเลือกข้าวสารกันที่ไหนนายลอยไม่ทราบ
และในวันที่กล่าวหากันนั้นนายลอยไม่ได้รับฝากกุญแจห้องข้าวสารไว้จากนายร่วงผู้คุม
นายแดง เกื้อบุตร์
ให้การว่า นายแดงมีหน้าที่ควบคุมนักโทษไปทำงานภายนอกเรือนจำ
ในวันที่กล่าวหากันนั้นนายแดงนำนักโทษเข้ามาในเรือนจำเพื่อรับประทานอาหาร
ได้เดินไปที่ข้างห้องพัศดุเก็บข้าวสาร ภายในห้องนั้นได้ยินเสียงคนพูดซุบซิบกัน
แต่ประตูห้องใส่กุญแจ มีความสงสัยจึงมองตามช่องกระดานบานประตู
เห็นนักโทษชายไล่กับนักโทษหญิงแดงหรือง่อยนั่งบนกระสอบข้าวสารจับต้องกอดจูบกันอยู่
นายแดงตั้งใจที่จะรายงานเหตุนี้ต่อพัศดีเรือนจำแต่ในวันนั้นไม่มีโอกาส
ครั้นรุ่งขึ้นพัศดีเรือนจำได้เรียกนายแดงไปสอบสวนถามจึ่งแจ้งให้ทราบดั่งที่ให้การมาแล้ว
นายร่วง พูดเพราะ
ให้การว่า ตามวันเวลาที่กล่าวหากันนั้นนายร่วงไปตลาดปากน้ำเพื่อสั่งให้นายขุ้นส่งผักไปให้เรือนจำทำอาหารเลี้ยงนักโทษ
ได้ฝากลูกกุญแจห้องขังพัศดุข้าวสารไว้กับนายลอย
พอนายร่วงกลับจากตลาดมาถึงเรือนจำนายลอยก็คืนลูกกุญแจให้ ไม่ได้รู้เห็น
เป็นแต่ได้ยินนักโทษพูดกันถึงเรื่องนี้ แต่นายร่วงไม่เชื่อว่าเป็นความจริง
นักโทษชายไล่ ประไพ
ให้การว่า นายลอยได้ไขกุญแจห้องขังให้นักโทษชายไล่ กับ
นักโทษชายหมานุ้ยออกไปก่อนนักโทษอื่นๆ แต่เวลา ๕.๓๐ น.ทุกๆวัน ในวันที่กล่าวหากันนั้น
เมื่อนายลอยได้ไขกุญแจห้องข้าวสารจ่ายข้าวสารให้นักโทษชายไล่แล้ว
นักโทษชายไล่ได้ขอร้องให้นายลอยจ่ายนักโทษหญิงแดงไปช่วยนักโทษชายไล่เก็บกากข้าวสาร
นายลอยจึงเรียกนักโทษหญิงแดงหรือง่อยและนักโทษหญิงบอดไปช่วย
และนายลอยได้มอบลูกกุญแจห้องข้าวสารให้นักโทษชายไล่ไปไขห้องพัศดุข้าวสาร
นักโทษชายไล่จึ่งให้นักโทษหญิงทั้งสองเลือกกากข้าวสารอยู่ในห้องข้าวสาร
แล้วใส่กุญแจขังนักโทษหญิงทั้งสองไว้แล้วเลยไปที่โรงครัว
นักโทษหญิงแดงหรือง่อย
ให้การว่า นายลอยเคยจ่ายให้ไปเลือกข้าวสารทั้งหมดรวม ๕ ครั้ง ไปกับนักโทษหญิงบอด ๒
ครั้ง ไปคนเดียว ๓ ครั้ง
และการไขกุญแจห้องข้าวสารนักโทษชายไล่เอากุญแจจากนายลอยมาไขให้ทุกครั้ง
เมื่อพิเคราะห์ถึงน้ำหนักและหลักฐานแห่งคำพะยานในสำนวนการไต่สวนนี้แล้ว
เห็นว่ากรณีย์นี้ฟังได้สนิทว่า นายลอย อินยฤทธิ์ ได้ไขห้องขังให้นักโทษชายไล่ และ
นักโทษชายหมานุ้ย ออกก่อนกำหนดเวลาตามระเบียบของเรือนจำ
และได้จ่ายนักโทษหญิงแดงหรือง่อย นักโทษหญิงบอดไปกับนักโทษชายไล่โดยปราศจากข้อสงสัย
เพราะนอกจากนายลอยจะให้การรับแล้ว ยังมีหลักฐานพะยานในสำนวนนี้อีก
พอที่จะเชื่อได้ว่าเป็นความจริง และนายลอยมีความสัมพันธ์กับนักโทษชายไล่ และ
นักโทษชายหมานุ้ย
โดยที่นักโทษทั้งสองนี้เป็นหัวหน้าโรงครัวได้ส่งเศษอาหารให้แก่นายลอย
นายลอยเป็นผู้ประมูลเศษอาหารส่งให้แก่ผู้อื่นอีกต่อหนึ่ง
การกระทำของนายลอยนี้ผิดต่อข้อบังคับเรือนจำสำหรับคุมขังนักโทษตามหัวเมือง ร.ศ.๑๑๘ ข้อ ๔๙
และพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.๒๔๗๖ มาตรา ๔๐,๔๑,และ ๔๒
ในข้อที่กล่าวหาว่านักโทษชายไล่
กับ นักโทษหญิงแดงหรือง่อย ได้ร่วมประเวณีกันในห้องพัศดุเก็บข้าวสารนั้น
เมื่อพิจารณาพะยานหลักฐานตามที่ปรากฏในสำนวนการไต่สวนแล้ว
กรรมการคณะนี้ไม่เชื่อว่าเป็นความจริง เพราะในบางตอนพะยานเบิกความแตกต่างกัน
และบางตอนมีเหตุอันน่าสงสัยว่าพะยานจะได้ซักซ้อมกันมาให้การปรักปรำเอาก็ได้
แต่คณะกรรมการเชื่อว่านักโทษชายไล่กับนักโทษหญิงแดงหรือง่อย
ได้เข้าไปอยู่โดยลำพังสองต่อสองในห้องพัศดุเก็บข้าวสารจริง
ทั้งนายแดงผู้คุมก็ให้การรับรองในข้อนี้ว่าได้เห็นนักโทษชายไล่กับนักโทษหญิงแดงหรือง่อยกำลังกอดจูบกันอยู่
ข้อหาฉะเพาะตัวนายแดง
เกื้อบุตร์ ฟังได้ว่าเป็นผู้คุมซึ่งมีหน้าที่ควบคุมนักโทษไปทำงานภายนอกเรือนจำ ไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับกิจการภายในเรือนจำ
ครั้นบังเอิญไปเห็นเหตุการณ์เข้า ในวันรุ่งขึ้นก็ได้แจ้งเหตุการณ์ให้พัศดีเรือนจำทราบ
ซึ่งพัศดีเรือนจำได้ให้การรับรองอยู่แล้ว จึ่งเห็นว่าไม่ควรมีความผิด
ข้อหาฉะเพาะตัวนายร่วง
พูดเพราะ ซึ่งมีหน้าที่เป็นผู้ถือลูกกุญแจห้องพัศดุนั้นก็ดี แต่ขณะที่เกิดเหตุนี้นายร่วงได้ไปธุระนอกเรือนจำด้วยกิจธุระของเรือนจำ
กับได้มอบลูกกุญแจไว้กับนายลอย และในข้อนี้แม้นายลอยจะปฏิเสธว่านายร่วงไม่ได้ฝากลูกกุญแจนี้ไว้กับตนก็ดี
แต่คดีมีหลักฐานเพียงพอว่า ลูกกุญแจห้องพัศดุได้ไปอยู่ที่นายลอยจริง
เช่นนักโทษชายไล่เบิกความว่า ได้ไปเอากุญแจจากนายลอยมาไขห้องพัศดุ
กับได้เอาลูกกุญแจไปคืนที่นายลอย เป็นต้น
ดั่งนี้เชื่อได้ว่านายร่วงหาได้รู้เห็นเหตุการณ์เรื่องนี้แต่อย่างใดไม่.
(ลงนาม) วาสนา วงศ์สุวรรณ์ กรรมการ
(ลงนาม) หกเซ่ง เหมฤก กรรมการ
(ลงนาม) นิธยากรวิจิตร กรรมการ
เป็นสำเนาอันถูกต้อง
ก้าเหรี้ย คัด ทาน
ตราครุฑ
ที่ ๒๔๖๗/๒๔๗๙ ศาลากลางจังหวัดกระบี่
๒๒ สิงหาคม ๒๔๗๙
เรื่อง
ตัดเงินเดือนผู้คุม
จาก
คณะกรมการจังหวัดกระบี่
ถึง ปลัดกระทรวงมหาดไทย
ด้วยได้รับคำร้องของ
น.ช. กลิ่น ราชฤทธิ์ กับพวกหาว่า
นายลอย อินยฤทธิ์ นายแดง เกื้อบุตร์ นายร่วง พูดเพราะ
ผู้คุมตรีเรือนจำจังหวัดกระบี่
กระทำผิดวินัยข้าราชการพลเรือนดั่งปรากฏข้อความตามสำเนาซึ่งได้เสนอมาพร้อมกับหนังสือนี้ด้วยแล้ว
เรื่องนี้ ได้ตั้งกรรมการรวม
๓ นายทำการสอบสวน ได้ความตามสำนวนการไต่สวนและบันทึกความเห็นของคณะกรรมการ ซึ่งคัดสำเนาเสนอมาพร้อมหนังสือนี้
และ อ.ก.พ. จังหวัดกระบี่
ได้พิจารณาปรึกษาพร้อมกันแล้วเห็นว่า นายลอย อินยฤทธิ์ ผู้เดียว มีความผิดตามข้อบังคับเรือนจำสำหรับคุมขังนักโทษตามหัวเมือง
ร.ศ.๑๑๘ ข้อ ๔๙
และพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.๒๔๗๖ มาตรา ๔๐–๔๑ และ ๔๒ จึ่งลงมติให้ตัดเงินเดือน
นายลอย อินยฤทธิ์ เสีย ๑๐ เปอร์เซ็นต์มีกำหนด ๓ เดือน ตั้งแต่เดือนสิงหาคม ๒๔๗๙
เป็นต้นไป
เพราะฉะนั้น
จึ่งได้ส่งสำเนาเอกสารการสอบสวนรวม ๒๗ ฉบับ มาพร้อมกับหนังสือนี้ด้วยแล้ว.
ขอแสดงความนับถืออย่างสูง
(ลายเซ็นอ่านได้ว่าประเสริฐ)
อัยยการจังหวัดลงนามแทน
ที่มา…หอจดหมายเหตุแห่งชาติ มท.๐๒๐๑.๓/๑๒
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น